ในเส้นทางสายอาชีพหมอนวด หรือเทอราปิสนั้น บทความนี้ จะนำพาผู้อ่านไปพบกับเส้นทางในอาชีพนวด & สปา จุดเริ่มต้นของอาชีพ เรียนนวดที่ไหนอย่างไร ความเป็นมาเป็นไป การพัฒนาและการเติบโตของอาชีพ สามารถไปสุดได้ที่ไหน หรือเราพอใจที่ตรงไหน น่าสนใจหรือไม่ อย่างไร
คนที่เข้ามาทำงานในสายนวด สายสปา ย่อมมีหลากหลายเหตุผลและที่มา บางท่านอยู่ในสายงานใกล้เคียง มองเห็นความพิเศษของสายอาชีพ จึงกระโดดเข้ามา บางท่านผู้ปกครองแนะนำให้มาเรียน บางท่านหาข้อมูลเอง บางท่านถูกเพื่อนลากให้มาเรียนเป็นเพื่อน บางท่านต้องการย้ายงานย้ายสถานที่ เพื่อเจอชีวิตใหม่ บางท่านเจอมรสุมชีวิต อยากหนีไปให้ไกล บางท่านทำเพื่อครอบครัว ต้องหารายได้ให้มากขึ้น บางท่านอยากย้ายประเทศ เลยหางานที่สามารถย้ายได้ บางท่านแต่งงานกับชาวต่างชาติ เรียนไว้เผื่อได้ใช้งาน เมื่อต้องย้ายไปอยู่ที่ภูมิลำเนาของคู่ครอง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ การเข้าสู่สายงานนวด & สปา ก็ต้องเริ่มให้ถูกต้อง เพื่อความมั่นใจในการทำงาน
ตำแหน่งงานหลักในสปา
ในความเป็นจริงแล้ว ในร้านนวดและสปา มีอาชีพที่เกี่ยวข้องหลากหลายมาก ขอยกตัวอย่างงานหลัก ๆ โดยมาตรฐานทั่วไปดังนี้
ผู้จัดการ / ผู้ช่วยผู้จัดการ SPA Manager |
หัวหน้ารีเซฟชั่น / รีเซฟชั่นนิส Receptionist |
ผู้ฝึกสอน SPA Trainer |
หัวหน้าพนักงาน SPA Supervisor |
พนักงานนวด หรือ เทอราปิส SPA Therapist |
พนักงานเสริมความงาม Beautician |
แม่บ้านสปา SPA Attendant |
ทุกตำแหน่งหน้าที่ ล้วนมีความสำคัญและพึ่งพาอาศัย ประสานงานซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า การที่เราจะพิจารณาเลือกตำแหน่งงานแรก ในวงการนวด & สปานั้น เราควรทราบความสนใจของเรา และเนื้อหาของงานเบื้องต้นก่อน ในบทความต่อไปนี้ จะกล่าวถึงตำแหน่งที่เหมาะกับการเริ่มต้นที่จะเข้าทำงานในสปา และเส้นทางความก้าวหน้าในสายงานในสปา
สิ่งแรกที่ต้องมี คือจิตบริการ อาจเป็นการเรียนรู้โดยผ่านการเรียน การฝึกงาน และการทำงานจริง หรือ มีจิตใจที่อยากที่จะให้บริการคนอื่น ปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข สิ่งนี้จึงเป็นแรงขับดันเบื้องต้น ที่ไม่ว่าตำแหน่งไหนในสปา ก็ต้องมีจิตบริการและความพร้อมที่จะให้บริการอยู่เสมอ ทั้งระหว่างพนักงานด้วยกัน และที่สำคัญที่สุดคือ จิตบริการที่มีต่อลูกค้า
สายอาชีพนวด & สปา จะแบ่งออกเป็นสองสาย คือ กลุ่มแรก ที่เน้นใช้ทักษะฝีมือในการให้บริการลูกค้า ได้แก่ พนักงานนวด หรือ สปาเทอราปิส แม่บ้าน พนักงานเสริมความงาม และกลุ่มที่สอง เน้นใช้ทักษะการสื่อสารและบริหารจัดการ ได้แก่ ผู้จัดการ และรองผู้จัดการ รีเซฟชั่น ในส่วนของผู้ฝึกสอนนั้น อาจจะต้องใช้ทั้งสองทักษะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้มีกำหนดตายตัวว่า ควรมีความสามารถในสายงานเดียว หรือต้องมีทั้งสองสายงาน แต่หากมีความครบเครื่องทั้งสองทักษะแล้ว ก็ถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว
เริ่มทำงานสปาในตำแหน่ง รีเซฟชั่นนิส
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อาจจะไม่ถนัดในการนวด หรือ เมื่อเรียนนวดจบมาแล้วรู้ว่าไม่ใช่แนวทางของตน แต่ยังอยากทำงานในสปา งานในส่วนบริหารจัดการ และการดูแลลูกค้า อาจเหมาะกับคุณ ได้แก่ ตำแหน่งรีเซฟชั่น หรือพนักงานต้อนรับ ซึ่งเนื้องานโดยสังเขปคือ การรับจอง การนำเสนอเมนู การช่วยเหลือ การจัดตารางงาน หรือคิวงานของพนักงาน การจัดการแคชเชียร์ การให้ข้อมูลลูกค้า การดูแลหลังการขาย เป็นต้น ทักษะที่จำเป็น คือ ความสามารถในการสื่อสารและประสานงาน การใช้ภาษาต่างประเทศ ความสามารถในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การอธิบายการเดินทาง การนับเงินและการจัดการสต๊อกหน้าบ้าน การพูดจูงใจเพื่อเพิ่มยอดและปิดการขาย ความรู้ความเข้าใจในบริการและผลิตภัณฑ์ การส่งรายงาน ความรู้ในการใช้บัตรเครดิต การใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับแคชเชียร์ ทักษะเหล่านี้สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้จากการเทรนนิ่งของสปา
งานในตำแหน่งนี้ ถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับสปา เพราะเป็นการบริการแรกที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่ที่ลูกค้าได้ก้าวเท้าก้าวแรกเข้ามาในสปา หากไม่สามารถสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้าได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ความเรียบร้อยของเคาเตอร์และล็อปปี้ การแต่งการที่เรียบร้อย น้ำเสียงในการพูดจา กลิ่นหอมของสปา สิ่งเหล่านี้สำคัญกับหน้าตาของสปามาก
รีเซฟชั่นหลายท่าน อาจจะมาจากสายโรงแรม หรือเคยอยู่หน้าแคชเชียร์มาก่อน การมาเป็นรีเซฟชั่นในสปา อาจยังขาดความรู้ความเข้าใจในการให้บริการของสปา เพราะงานแต่ละที่ย่อมมีความแตกกต่างกันในรายละเอียด ในช่วงที่ผู้เขียนทำงานเป็นผู้จัดการสปา จึงได้จัดการเทรนนิ่งที่เกี่ยวข้องให้ เช่น การให้รีเซฟชั่นได้รับบริการเหมือนลูกค้า เพื่อที่จะเข้าใจการทำงานขอองพนักงานนวด หรือเทอราปิส และเข้าใจมุมมองของลูกค้า หากมีข้อสงสัยใด ๆ หรือคำแนะนำ ก็สามารถติชมเพื่อให้เกิดการพัฒนาการให้บริการ หรือหากสนใจในทักษะการนวดจริง ๆ อาจลองเรียนนวดเพื่อทำความเข้าใจเนื้องานให้มากขึ้น ไม่แน่ว่า ท่านอาจจะชอบ และอยากเป็นสปาเทอราปิสก็เป็นได้
การเติบโตในสายอาชีพนั้น หากเป็นสปาที่ใหญ่ จะมีตำแหน่งที่รออยู่ เช่น การเป็นพนักงานอาวุโส หัวหน้างาน หัวหน้าแผนก หรือผู้จัดการของแผนก และยังสามารถที่จะพัฒนาไปสู่ตำแหน่งผู้จัดการสปาได้ ซึ่งผมขอเรียกว่า “SPA Manager ที่มาจากสายรีเซฟชั่น” ความโดดเด่นของเมเนเจอร์ที่มาจากสายนี้คือ การบริหารจัดการ การดันยอดขาย ความสามารถด้านภาษา ซึ่งในช่วงของการทำงานเพื่อเก็บประสบการณ์ในตำแหน่งรีเซฟชั่น แนะนำให้สอบใบอนุญาตผู้ดำเนินการสปาไว้เลย เพื่อประโยชน์ในอนาคตหากต้องการขยับไปเป็น SPA Manager
เรียนนวดเลย หากเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
หากท่านตั้งใจที่จะเริ่มงานในสปา ด้วยการเป็นหมอนวด หรือเทอราปิส การหาที่เรียน และการวางแผนการเติบโตในสายอาชีพ เป็นสองสิ่งแรกที่ต้องทำ ในการหาที่เรียน อันดับแรกท่านต้องเข้าใจว่า ในประเทศไทย หน่วยงานที่ดูแลหลักสูตรการเรียนนวด & สปา ณ ปัจจุบัน คือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หรือ สบส. ดังนั้น การเรียนเพื่อให้สามารถนำใบประกาศนียบัตรไปขึ้นทะเบียน เพื่อขอรับใบอนุญาตในการทำงานนวดได้นั้น จะต้องเรียนสำเร็จหลักสูตรกลางของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ การค้นหาที่เรียนนั้น จะต้องแน่ใจว่า ท่านได้เรียนในหลักสูตรและโรงเรียนที่ผ่านการรับรองหลักสูตรจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพแล้ว
หลักสูตรกลาง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- หลักสูตรนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ 60 ชั่วโมง
- หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง
- หลักสูตรผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุภาพ 100 ชั่วโมง
- หลักสูตรผู้ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพ 500 ชั่วโมง
- หลักสูตรการดูแลสุขภาพและความงามสตรีหลังเรือนไฟ 150 ชั่วโมง
- หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพสำหรับผู้พิการทางสายตา 255 ชั่วโมง
- หลักสูตรการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหย 150 ชั่วโมง
- หลักสูตรการนวดสวีดิช 150 ชั่วโมง
- หลักสูตรการบริการเพื่อความงาม 150 ชั่วโมง
- หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง
- หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 100 ชั่วโมงต่อยอด 60/80 ชั่วโมง
(เทียบเท่าหลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง)
12. หลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพชั้นสูง 600 ชั่วโมง
โดยหลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพชั้นสูง 600 ชั่วโมง และหลักสูตรผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุภาพ 100 ชั่วโมง
จะต้องเป็นระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น ถึงจะสามารถจัดการเรียนการสอนได้ นอกนั้นโรงเรียนเอกชน วิทยาลัย สามารถขอรับรองหลักสูตรเพื่อจัดการเรียนการสอนได้
เรียนนวดอะไรก่อนดี
หลังจากเจอหลักสูตรที่หลากหลายมากมาย อาจจะเกิดคำถามในใจว่า ควรที่จะเริ่มเรียนอะไรก่อนหลัง หรือถ้าจะเรียนแล้วเข้าทำงานเลย ควรจะเรียนอะไรเป็นสิ่งแรกดี คำถามนี้เราจะพิจารณาจากความต้องการของตลาด และความพร้อมของเราก่อน โดยเบื้องต้น พื้นฐานที่สำคัญที่สุดที่ผู้เขียนแนะนำให้เรียนเป็นสิ่งแรก คือ หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง เพื่อปูพื้นฐานไปสู่หลักสูตรอื่น ๆ ภายหลัง ควรเริ่มทำงานเลยหลังเรียนจบเพื่อเก็บประสบการณ์ และต่อด้วยหลักสูตรนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ 60 ชั่วโมง และไปจบด้วยหลักสูตรการนวดสวีดิช 150 ชั่วโมง หรือเลือกหลักสูตรการนวดด้วยน้ำมันหออมระเหย 150 ชั่วโมง หากในกรณีที่ท่านมีทุนและเวลาที่เพียงพอ ขอแนะนำให้ท่านเรียนหลักสูตรผู้ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพ 500 ชั่วโมง หรือ หลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพชั้นสูง 600 ชั่วโมง ให้ครบเครื่องกันไปเลย
เนื่องจากในตลาด เมนูหลักที่ขายดีเป็นปกติ คือ นวดไทย นวดเท้า นวดสวีดิช/น้ำมันหอมระเหย ทักษะหลัก ๆ ของพนักงานที่เริ่มงานใหม่ ๆ มักจะได้รับการมอบหมายให้ขึ้นงานในเมนู นวดไทย นวดเท้าก่อน เมื่อผู้ฝึกสอนในสปาได้ทำการฝึกอบรมและแน่ใจในทักษะการนวดในเมนูอื่น ๆ จึงจะอนุญาตให้ท่านให้บริการกับลูกค้าได้ เว้นแต่ท่านได้เรียนหลักสูตร 500 ชั่วโมง หรือ เข้าสู่อคาเดมี่ของสถานประกอบการใด ที่ได้ฝึกอบรมครบทุกเมนู หลังจากผ่านการเทรนหรือทดสอบฝีมือแล้ว ท่านก็จะได้รับอนุญาตให้บริการต่อลูกค้าได้ ซึ่งเงื่อนไขในแต่ละสถานประกอบการนั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน
เรียนที่ไหนดี
การตรวจสอบที่สถานที่เรียนก่อนการเรียนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ป้องกันการเสียงเงิน เสียเวลา ดังนั้น ท่านจึงควรตรวจสอบกับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง นั้นคือ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ www.thaispa.go.th ท่านสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวท่านเองผ่านเว็ปไซด์ของทางกรม เพื่อความสบายใจก่อนการเรียน ผู้เขียนขอแบ่งประเภทของสถาบันที่เปิดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้อ่านได้พิจารณาว่าท่านหมาะสมกับการเข้าเรียนกับสถาบันใด
ประเภทเรียนฟรี เป็นข่าวดีที่เงินภาษีของเราก็ยังกลับมาช่วยสร้างอาชีพให้เราได้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และศูนย์ฝึกอาชีพของภาครัฐ โครงการสร้างอาชีพต่าง ๆ ของภาครัฐ จะให้เข้าเรียนฟรี โดยเป็นงบประมาณจากภาษีของเรา โดยมากจะจัดแบบต่อเนื่อง หรือ เสาร์-อาทิตย์ ตามแต่ละที่จะจัดขึ้น ข้อดีคือ ฟรี หรือมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ๆ เช่น ค่าบำรุงสถานที่หลักสิบหลักร้อย ข้อเสียคือ เนื่องจากเรียนฟรีจากเงินภาษี ฉะนั้น ผู้ที่ต่อคิวเรียนอาจมีจำนวนมาก บางแห่งอาจต้องต่อคิวรอเพื่อเข้าเรียน เป็นเวลานานหลายเดือน
ประเภทเรียนฟรี แต่ติดสัญญา มักมาจากผู้ประกอบการสปาที่มีสาขาเยอะ เมื่อเจอปัญหาขาดแคลนพนักงาน หรือหาพนักงานยาก จึงได้ก่อตั้งอคาเดมี่ของตนขึ้น โดยจัดตั้งเป็นโรงเรียน หรือสมาคม หรือมูลนิธิ เพื่อยื่นขอหลักสูตรจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดการเรียนการสอนเอง เพื่อป้อนพนักงานนวดหรือสปาเทอราปิส ให้กับสปาของตนและพันธมิตรทางธุรกิจ สิ่งนี้ทำให้เกิดความมั่นคงเรื่องพนักงานของสปา อีกทั้งยังสามารถใส่รายละเอียดการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับสปาที่จะไปทำงาน ทำให้ประหยัดเวลาที่จะต้องไปเรียนรู้มาตรฐาน หรือ การปรับรูปแบบการให้บริการที่หน้าไซด์งานออกไป พร้อมที่จะทำงานได้เลย พนักงานมักจะได้งานทำหลังจากเรียนเสร็จทันที แต่การเรียนโดยใช้ทุนฟรีดังกล่าว มักจะตามมาด้วยสัญญาการทำงาน เพื่อแลกกับค่าใช้จ่ายในการเรียน โดยมากจะอยู่ที่ 1 ถึง 2 ปี สำหรับการทำงานใช้ทุนเรียน โดยหากไม่ประสงค์จะทำงานกับเจ้าของทุน ก็จะต้องชำระค่าธรรมเนียมการเรียนให้กับผู้ที่ออกทุนให้ ข้อดีคือ ได้เรียนฟรี และมีงานทำทันทีหลังเรียนจบ ข้อเสียคือ การติดสัญญา หากไม่ประสงค์ร่วมงานจะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการเรียน และหากไม่ชำระ อาจเกิดการฟ้องร้องขึ้น
โรงเรียนสอนนวด มีทั้งภาครัฐ และเอกชนที่เปิดสอน โดยมากจะเป็นภาคเอกชนที่เปิด กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ โดยในปัจจุบัน ก็จะเปิดสอนตามหลักสูตรกลางของทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีการเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา หลักพัน ถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับสถาบัน โดยก่อนเลือกเรียนที่ใดก็แนะนำให้ตรวจสอบตัวโรงเรียนและหลักสูตรที่ได้รับอนุญาตกันก่อน เพื่อความแน่ใจ ไม่เพียงแค่โรงเรียนเอกชน หรือ ภาครัฐที่ขอหลักสูตรได้ สมาคม และมูลนิธิ ก็สามารถเปิดได้เช่นกัน เพียงแต่จำนวนผู้เรียนในแต่ละรุ่น จะสามารถจัดการเรียนการสอนได้พียงรุ่นละ 7 คน ข้อดี หาได้ทั่วไป มีให้เปรียบเทียบเยอะ ส่วนใหญ่สามารถเลือกวันเวลาเรียนได้หลากหลาย ข้อเสีย ค่าธรรมเนียมในบางแห่งอาจจะสูง
การเติบโตในสายงานนวด & สปาของหมดนวด เทอราปิส
พนักงานนวด หรือสปาเทอราปิส ทั้งสายนวดตัว หรือสายเสริมสวย หรือมีทักษะทั้งสองอย่าง สามารถเติบโตในสปาได้แทบทุกตำแหน่ง หากความสามารถในด้านภาษาดี ก็สามารถมาทำงานทดแทนรีเซฟชั่นได้ ความสามารถทางภาษานั้นสามารถฝึกฝนได้ เมื่อได้ทำงานในตำแหน่งเทอราปิสอยู่นาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ สามารถขยับขึ้นเป็นพนักงานอาวุโส(Senior Therapist) หรือ หัวหน้างานได้(SPA SUPERVISOR) หากท่านมีความชอบในการถ่ายทอดทักษะความรู้ ตำแหน่ง ผู้ฝึกสอนสปา(SPA Trainer) อาจเหมาะกับท่าน และยังสามารถเตรียมตัวในการเข้าสอบใบอนุญาตผู้ดำเนินการสปาได้ในอนาคต ซึ่งจะกลายเป็น SPA Manager ที่เติบโตมาในสายเทอราปิส ซึ่งถือเป็นข้อดีในการสื่อสารกับพนักงานเทอราปิส ที่เราจะมีความเข้าใจในเนื้องานที่ตรงกัน แก้ได้ถูกจุด ในปัจจุบัน ได้มีตำแหน่ง SPA Director เกิดขึ้นในหลายสถานประกอบการแล้ว เป็นอีกตำแหน่งที่เป็นเป้าหมาย ให้พนักงานได้พัฒนาตนเองเพื่อให้ก้าวไปยืน ณ จุดที่สูงสุดในสปา
ความพึงพอใจ และเป้าหมายของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน บางท่านอาจจะเพียงแค่ต้องการเป็นพนักงานเทอราปิส บางท่านต้องการมีประสบการณ์หลายตำแหน่ง บางท่านตั้งใจที่จะเติบโตในสายงาน บางท่านอยากที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเอง ดังนั้นการตั้งเป้าหมายในสายงาน ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อที่จะประหยัดเวลาไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เช่น หากท่านมีเป้าหมายอยากเปิดร้าน การเรียนรู้เพื่อการบริหาร การดูแลพนักงาน การศึกษาด้านการตลาด ปัญหาในงานที่เจอ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะนำไปปรับใช้กับร้านของตน หากท่านอยากเป็นผู้ฝึกสอน การเรียนรู้ในทรีตเม้น เมนูที่หลากหลาย วิธีการสอน ชั่วโมงบิน การสมัครเรียนหลักสูตรต่าง ๆ เพิ่มเติม ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ท่านต้องโฟกัส
ผู้เขียนปรารถนาให้ทุกท่านที่ตัดสินใจก้าวเข้ามาในวงการนวดสปา ได้พัฒนาตัวเองให้สุด เรียนให้สุด ทำให้สุด และกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงาน เป็นเสาหลัก ส่งต่อผ่านรุ่นสู่รุ่น ให้อุตสาหกรรมนวดสปาไทยแข็งแรงมั่นคง ดำรงค์องค์ความรู้มิให้สูญสิ้นไป ผลิตเลือดใหม่ไฟแรงขึ้นมาทดแทน ประเทศไทย ไม่เพียงแต่เป็นเมืองหลวงแห่งสปา แต่ควรจะต้องเป็นฮัพในการเรียนการสอนนวด & สปาของโลก ผู้คนจากทั่วโลกต้องบินมาเรียนที่เมืองไทย หรือเราส่งออกผู้เชี่ยวชาญไปสอนชาวต่างชาติ สร้างคุณค่าและเม็ดเงินมหาศาลให้กับประเทศของเรา
- ออนเซ็น Onsen ธุรกิจมาแรงในอนาคต - July 12, 2022
- เงินเดือนพนักงานนวดสปา ในต่างประเทศ - July 10, 2022
- เส้นทาง อาชีพ หมอนวด เทอราปิส - July 3, 2022