หากเรายังจำได้ ในสมัยเด็กๆ ในครอบครัวใหญ่ มักจะมีกิจกรรมยอดฮิต ที่บรรดาญาติผู้ใหญ่ของเรา มักไหว้วานเราอยู่เสมอ นั่นก็คือ “ลูกเอ๋ย เหยียบหลังให้ ยายหน่อย” ซึ่งเป็นวลีเด็ด แลกกับค่าขนม ใจนึงก็อยากจะไปเล่นข้างนอกบ้านกับเพื่อน ๆ แต่อีกใจนึง ก็ทำเพื่อค่าขนม
นั่นหมายถึง คนไทยในทุกยุคทุกสมัย มีทักษะการนวด ติดตัวกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้ว เมื่อเราเติบใหญ่ บ่อยครั้งที่เราเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงาน เราก็มักมองหาโอกาสที่จะไปร้านนวด ร้านสปา เพื่อไปทิ้งร่าง ให้พี่หมอนวด ช่วยให้ตัวเบาอยู่บ่อยครั้งไป
จากสังคมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน การที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนในอดีตนั้น ก็หาได้ยาก และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การงาน การเงิน ทำให้การอยู่แบบครอบครัวใหญ่ ได้ลดจำนวนน้อยลง แบ่งเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ซึ่งมักจะมีเพียงแค่สองเจเนอเรชั่น มีพ่อแม่และลูก นาน ๆ ครั้ง ถึงจะมีโอกาสได้อยู่กันครบสามเจเนอเรชั่น ในช่วงเทศกาลใหญ่ ที่พ่อแม่ได้มีโอกาสนำพาลูกหลาน ไปเยี่ยมคุณตาคุณยาย
นั่นทำให้ วิถีชีวิตในแบบเดิม ของครอบครัวใหญ่เริ่มจางหายไป กิจกรรมเหยียบหลังให้คุณตาคุณยาย ก็แทบจะหายไปด้วย เด็กในสมัยนี้ส่วนใหญ่ มักจะอยู่หน้าจอมือถือ ดูยูทูบ หรือเล่นเกมส์ แตกต่างจากสมัยก่อน ที่พ่อแม่มักไปตามลูกให้กลับบ้าน หลังจากไปเล่นกับเพื่อน ๆ นอกบ้าน จนมืดค่ำหลังเลิกเรียน กลับกลายมาเป็นว่า ต้องบอกให้ลูก ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกบ้านบ้าง “วางบ้างนะ โทรศัพท์มือถือ”
เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก จากประเทศที่เน้นเกษตรกรรม ปรับตัวไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม จึงทำให้แรงงานหลากหลายกลุ่ม มุ่งเน้นที่จะทำงานในภาคโรงงาน และงานออฟฟิตเป็นส่วนใหญ่ เกิดการย้ายถิ่นฐานเข้าสู่พื้นที่ใกล้โรงงาน และเมืองหลวง
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ยังคงเป็นรายได้หลักเช่นกัน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เนื่องจาก ความโดดเด่นในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ ทำเลที่ตั้งของประเทศทางภูมิศาสตร์ ที่เป็นเหมือนใจกลางของอาเซียน และที่สำคัญมากกว่านั้น คือคนไทย หัวใจหลักในงานภาคบริการ
หากเรามองเปรียบเทียบ การแข่งขันระหว่าง ธุรกิจภาคโรงงานอุตสาหกรรม และธุรกิจภาคการท่องเที่ยว จะพบว่าความเชี่ยวชาญด้านทักษะฝีมือ ที่ควรจะสนับสนุนให้เกิดขึ้นกับคนไทย จากธุรกิจทั้งสองภาคนั้น จะเน้นไปในทิศทางใด น่าพิจารณาดังนี้
ภาคแรงงานในโรงงาน เหตุผลหลัก ๆ ที่ชาวต่างชาติ เข้ามาลงทุนในประเทศ คือ ค่าแรงที่ไม่สูง และคุณภาพของแรงงานที่ดี แต่ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ การใช้เหตุผลเรื่องของค่าแรงถูก ยังมีอีกหลายประเทศใกล้เคียง ที่ค่าแรงถูกกว่าประเทศไทยมาก การตัดสินใจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเหล่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก และได้เกิดขึ้นแล้ว
เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ยังไม่รวมการเลือกที่จะใช้หุ่นยนต์ เข้ามาทำงานแทนแรงงานมนุษย์ ที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง มนุษย์ไม่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถป่วย ลา มาสาย ต้องดูแลเรื่องสวัสดิการ และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นค่าใช้จ่าย ที่อาจจะต้องตัดออกเพื่อลดต้นทุน นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาทดแทน เป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้ประกอบการ
ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากเหตุผลหลักที่นักท่องเที่ยว เลือกเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานที่ ธรรมชาติ ทำเลที่ตั้ง ค่าครองชีพ และที่สำคัญที่สุดคือ การบริการของคนไทย ด้วยวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม ของคนไทย ที่ยึดถือเสมอว่า การดูแลแขกบ้านแขกเมือง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก จะขาดตกบกพร่องมิได้
จึงเป็นที่ประทับใจ ของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก กิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทย ก็คือ การเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ วัด และสถาปัตยกรรมสำคัญ ๆ การเยี่ยมชมวิถีชีวิตของคนไทย การลิ้มลองรสชาติของอาหารไทย ดูมวยไทย และที่ขาดไม่ได้ คือ นวดไทย หรือสปาในเมืองไทย
จะเห็นได้ว่า หากเราเปรียบเทียบ การใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรม และ ในภาคการท่องเที่ยว ความสำคัญของคน ที่ควรให้น้ำหนักในการสนับสนุน ควรจะเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้หุ่นยนต์ เข้ามาทำงานแทน ในขณะภาคอุตสาหกรรม สามารถใช้หุ่นยนต์ทดแทนแรงงานคนได้แล้ว เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า(Tesla) ของคุณอีลอนมาร์ค มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน
และยิ่งไปกว่านั้น นวดไทยหรือสปาไทย คือการที่หมอนวด หรือเทอราปิส เป็นผู้ดูแลลูกค้าโดยใกล้ชิด ผ่านการนวด การทำทรีทเม้นท์ ย่อมต้องอาศัยการเรียนรู้ฝึกฝนทักษะ การให้บริการที่ดีมีคุณภาพ ต่อลูกค้าเป็นสำคัญ แม้นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ พยายามคิดค้นเครื่องนวดมาใช้แทนคน ในอนาคตอาจทำสำเร็จ นำมาทดแทนมนุษย์ได้จริงๆ และเชื่อว่า อย่างน้อย 30 ถึง 50 ปี หุ่นยนต์นวดก็ยังไม่สามารถ นำมาใช้แทนหมอนวดที่เป็นมนุษย์ได้ 100%
มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิด มีอุณหภูมิของร่างกาย มีพลังงานที่ส่งต่อไปยังลูกค้า มีการตอบสนองทางอารมณ์ สีหน้า ภาษากาย มีความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ การเอาใจใส่ ซึ่งหุ่นยนต์ หรือเอไอ ยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์ขนาดนั้น
ปัจจุบันประเทศไทย มีผู้ประกอบการร้านนวดไทย สปาไทย หลายพันราย และมีบริษัทมหาชนอีกหนึ่งแห่ง มีพนักงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสปา มากกว่าสองแสนคน รายงานในปี 2019 จากสถิติของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า รายได้จากอุตสาหกรรมธุรกิจเพื่อสุขภาพ ที่เก็บตัวเลขได้ มีขนาดมากกว่า 60,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้กินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี
แต่หนึ่งในปัญหาหลัก ที่ทำให้ขนาดของธุรกิจร้านนวด ร้านสปา ยังเติบโตได้ช้า นั่นก็คือ การขาดแคลนพนักงานนวด หรือเทอราปิส อาชีพหมอนวดหรือเทอราปิสนั้น เป็นหนึ่งในอาชีพ ที่ต้องการความรู้ และทักษะเฉพาะทาง การผลิตหมอนวดหนึ่งคน จะต้องผ่านการอบรมอย่างน้อย 60 ชั่วโมง เพื่อนวดเท้าเพียงอย่างเดียว(Foot Massage) และหากจะสามารถนวดไทย(Thai Massage)ได้ จะต้องผ่านการอบรมในหลักสูตรนวดไทย 150 ชั่วโมง และยังมีการนวดในแบบอื่น ๆ อีกหลายชนิด
นักเรียนนวดจบใหม่ หมายถึง นักเรียนใหม่ป้ายแดง ที่ยังไม่มีประสบการณ์ลงสนามจริงกับนักท่องเที่ยว ที่คาดหวังในทักษะฝีมือ และการบริการที่ดีเยี่ยม จากการใช้บริการ หมอนวดยังต้องการเก็บชั่วโมงบินอีกนับปี หรือผ่านการเทรนนิ่งเพิ่มเติม ในด้านการบริการและทักษะฝีมือ จากร้านนวดหรือสปาที่เริ่มทำงานในร้านแรก หรือ อาจจะไม่มีการสอนเพิ่มเติมในบางแห่ง ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถานประกอบการ
และเมื่อเปลี่ยนที่ทำงานแตละครั้ง มาตรฐานท่านวด การบริการ ก็ย่อมต่างกัน จึงนำไปสู่ การฝึกอบรมใหม่ก่อนเริ่มงาน หรือที่เรียกกันว่า “การปรับท่า” ก่อนการเริ่มงานในที่ทำงานใหม่ และเมื่อเก็บชั่วโมงบินได้ระยะหนึ่ง หลังจากมีประสบการณ์การให้บริการที่มากขึ้น ชั่วโมงบินมากขึ้น ทักษะการนวดค่อนข้างแข็งแรง หรือมีความมั่นใจแล้ว ความต้องการมีรายได้เพิ่ม จากการเพิ่มพูนทักษะฝีมือจึงเกิดขึ้น
ด้วยความต้องการพนักงานสปาเทอราปิส และนวดไทยที่เป็นคนไทย ในต่างประเทศมีจำนวนมาก จึงเป็นแรงผลักดันให้เกิด ปรากฏการณ์ “ทักษะแรงงานไหล” บินไปทำงานต่างประเทศกันเป็นส่วนใหญ่ ด้วยการย้ายงานไปทำงานต่างประเทศของหมอนวด เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติและมีจำนวนมาก จึงมักเกิดเหตุการณ์ “หมอซ็อต” ในประเทศ หมอซ็อต คือ จำนวนพนักงาน ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้บริการของลูกค้า
การผลิต หมอนวดไทย หรือ เธอราปิสต์ แบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ
1. กลุ่มผู้ให้บริการเพื่อสุขภาพ
2. กลุ่มแพทย์แผนไทย
3. นักกายภาพบำบัด
ผู้ให้บริการเพื่อสุขภาพ จะอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 โดยที่ จะให้บริการ นวดเพื่อสุขภาพ สปาเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อเสริมสวย เป็นหลัก โดยต้องเรียนผ่านหลักสูตรกลาง ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. ของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการเพื่อสุขภาพ จะได้รับใบอนุญาต เพื่อให้สามารถทำงานในร้านนวด หรือสปาเพื่อสุขภาพได้ เรามักเรียกติดปากว่า หมอนวด หรือ เธอราปิสต์
แพทย์แผนไทย จะเป็นหลักสูตรที่โรงเรียน วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยเปิดสอน เพื่อสอบใบประกอบโรคศิลปะ เป็นหมอเต็มตัว โดยในหลายมหาวิทยาลัย มีการพัฒนาหลักสูตร เพิ่มเติมเข้าไป เช่น แพทย์แผนไทยประยุกต์ โดยเรียนผสมผสานกันระหว่าง แพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย
หลังจากสำเร็จการศึกษาในระยะเวลา 1 – 4 ปี ผู้สำเร็จการศึกษา ก็จะต้องเข้าสู่สนามสอบใบประกอบโรคศิลปะ ซึ่งเป็นใบวิชาชีพ ที่สามารถใช้ในการรักษาผู้ป่วยได้ ตามประเภทใบประกอบโรคศิลป์ที่สอบได้ และมักเข้าทำงานตามโรงพยาบาล คลินิก หน่วยงานของสาธารณสุข หรือเปิดคลินิกเอง มักจะไม่ค่อยเข้าทำงานร่วมกับ หมอนวดหรือเทอราปิส ตามร้านนวด ร้านสปา สักเท่าไหร่
แต่ก็มีบางท่าน เข้ามาสายงานสปา ซึ่งในปัจจุบันสปาหลายแห่ง ได้พัฒนาไปเป็น เวลเนส หรือ ดิสซิเนชั่นสปา จึงทำให้มีความต้องการ แพทย์แผนไทยเข้ามาร่วมงานอยู่พอสมควร และในส่วนของโรงเรียนสอนนวด ก็มีความต้องการผู้ที่สำเร็จ หลักสูตรแพทย์แผนไทย เข้ามาเป็นวิทยากรของสถาบันด้วยเช่นกัน
นักกายภาพบำบัด เป็นอีกหนึ่งสาขาวิชาชีพ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยเข้มข้นมาก และยังต้องต่อใบวิชาชีพเป็นระยะ ๆ หลังจากการจบการศึกษาแล้ว ตามเงื่อนไขของสภาวิชาชีพอีกด้วย ถือเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่อง Anatomy เป็นอย่างมาก โดยมากจะทำงานในโรงพยาบาล หรือ คลินิกกายภาพบำบัด และในเวลเนสบางที่ ยิม(ส่วนน้อย) หรือ โปรเจคใหม่ของสยามเวลเนส กรุ๊ป ที่เน้นการยืด และให้คำปรึกษากับลูกค้า ชื่อธุรกิจว่า Stretch Me
อาชีพ หรือทักษะในการนวดของคนไทยนั้น เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาในสายเลือด การฝึกฝน เรียนรู้ ในทักษะการนวด จึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะทำให้บรรลุถึง หากภาคแรงงานอุตสาหกรรม บุคคลทั่วไป นักเรียน นักศึกษา ได้เข้ามาเรียนรู้ฝึกฝน จนมีทักษะการนวดติดตัวไป ก็ยอมที่จะเป็นการรักษาภูมิปัญญาของชาวสยามไว้
อีกทั้ง ยังสามารถนำไปประกอบอาชีพ เป็นหมอนวดหรือเทอราปิสมืออาชีพได้ ไม่เพียงแต่ความต้องการพนักงานในประเทศเท่านั้น ความต้องการของสปาในต่างประเทศ มีมากมายมหาศาล จนมีคำ ๆ หนึ่ง กล่าวกันว่า “เป็นหมอนวด ลาออกวันนี้ พรุ่งนี้ได้งาน” แต่นั้นหมายถึง ท่านจะต้องเป็นหมอนวด ที่มีนิสัยและทักษะการนวดที่ดีด้วย
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ ไปทำงานภาคโรงงาน มีรายได้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่เพียงน้อยนิด ยิ่งภาคการผลิต ที่อาศัยทักษะฝีมือไม่มาก(ยกเว้นงานฝีมือ) แทนที่จะสามารถสร้างรายได้อย่างงดงาม จากการใช้ทักษะการนวด การให้บริการสปา ซึ่งเป็นทักษะที่เรามีอยู่ในสายเลือด ทั้งจากการทำงานสปาในไทย หรือในต่างประเทศที่ค่าแรงแพงกว่าไทยหลายเท่า อีกทั้งยังได้เปิดประสบการณ์ในต่างแดน ได้ฝึกภาษาไปในตัวอีกด้วย
วันนี้ หากท่านกำลังคิดอยากจะเปลี่ยนงาน หรืออยากที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทักษะการนวดและสปา น่าจะเป็นหนึ่งใน ตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งยังได้สืบทอดมรดกทางภูมิปัญญา ของบรรพบุรุษชาวสยามให้อยู่ต่อไป ถึงแม้ท่านอาจจะไม่ได้ใช้ประกอบอาชีพ ท่านก็ยังสามารถใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว การดูแลสามีหรือภรรยา การดูแลผู้ใหญ่ที่ท่านรักและนับถือได้
นักเรียนนักศึกษา ที่วางแผนไปศึกษาต่อในต่างประเทศ การติดทักษะนวดไทยไปด้วย จะเป็นการดีมาก ที่ท่านจะนำทักษะดังกล่าว ไปใช้ทำงานพาร์ททาม หรือนำไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนชาวต่างชาติได้ โดยการใช้ทักษะการนวดไทย ซึ่งเป็นมรดกโลก มันจะดีกว่าไหม ถ้าในช่วงที่กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ เราสามารถทำเงินได้ จากการใช้ทักษะของชาวสยาม ซึ่งดีกว่างานพาร์ททามอื่น ๆ อีกหลายชนิด เช่น ล้างจาน เสิร์ฟอาหาร ทำความสะอาด จัดสโตร์ รายได้จากงานนวด ก็ยังมากกว่างานต่าง ๆ เหล่านี้อีกด้วย
ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะกลับมาเหลียวมองมรดกของบรรพบุรุษเรา ที่ได้สั่งสม คิดค้น พัฒนา จนกลายมาเป็น ทักษะแห่งสยาม ที่มีคุณค่ายิ่ง จงฝึกฝนเรียนรู้ ให้เกิดความเชี่ยวชาญ และส่งต่อ ไปยังลูกหลานรุ่นถัดไป เพื่อไม่ให้ขาดทายาทรับไม้ต่อ “นวดไทย สปาไทย ต้องไม่สูญพันธ์”
- ออนเซ็น Onsen ธุรกิจมาแรงในอนาคต - July 12, 2022
- เงินเดือนพนักงานนวดสปา ในต่างประเทศ - July 10, 2022
- เส้นทาง อาชีพ หมอนวด เทอราปิส - July 3, 2022